star

การแบ่งประเภทดาวเคราะห์

ระบบสุริยะ มีดาวเคราะห์เป็นบริวารโคจรรอบดวงอาทิตย์ 8 ดวง ดาวเคราะห์ชั้นใน 4 ดวงแรก มีขนาดเล็กและมีพื้นผิวเป็นของแข็ง เนื่องจากอยู่ใกล้ดวงอาทิตย์มาก บรรยากาศจึงถูกทำลาย ดาวเคราะห์ชั้นนอก 4 ดวงถัดไป เป็นดาวแก๊สขนาดใหญ่ เนื่องจากอยู่ห่างไกลจากดวงอาทิตย์ บรรยากาศจึงไม่ถูกทำลาย ดาวมีมวลมากทำให้แรงโน้มถ่วงมากตามไปด้วย จึงมีวงแหวนและดวงจันทร์บริวารหลายดวง

joker123

ในยุคก่อนมียานอวกาศ นักดาราศาสตร์จำแนกประเภทดาวเคราะห์ ตามลักษณะที่ได้จากการสังเกตการณ์ด้วยมุมมองจากโลก โดยใช้วงโคจรของโลกเป็นเกณฑ์ในการแบ่งดาวเคราะห์ออกเป็นดาวเคราะห์วงในและดาวเคราะห์วงนอก

ดาวเคราะห์วงใน (Inferior Planets) หมายถึง ดาวเคราะห์ที่อยู่ใกล้ดวงอาทิตย์มากกว่าโลก ได้แก่ ดาวพุธ และดาวศุกร์ เราจึงมองเห็นเคราะห์จึงมองเห็นดาวเคราะห์วงในอยู่ใกล้ดวงอาทิตย์ เหนือขอบฟ้าด้านทิศตะวันตกเวลาพลบค่ำ หรือเหนือขอบฟ้าด้านทิศตะวันออกเวลารุ่งเช้าเท่านั้น โดยดาวพุธจะห่างจากดวงอาทิตย์ไม่เกิน 28° และดาวศุกร์อยู่ห่างจากดวงอาทิตย์ไม่เกิน 44° (Greatest elongation) ดังภาพที่ 1 เมื่อใช้กล้องโทรทรรศน์ส่องดู ดาวเคราะห์ทั้งสองจะปรากฏให้เห็นเป็นเสี้ยวสว่างซึ่งมีขนาดเปลี่ยนไปในแต่ละคืน ขึ้นอยู่กับระยะห่างจากโลก และแสงเงาจากดวงอาทิตย์ ดังภาพที่ 2

ดาวเคราะห์วงนอก (Superior Planets) หมายถึง ดาวเคราะห์ที่อยู่ไกลดวงอาทิตย์มากกว่าโลก ได้แก่ ดาวอังคาร ดาวพฤหัสบดี ดาวเสาร์ ดาวยูเรนัส และดาวเนปจูน ดาวเคราะห์ชั้นนอกสามารถปรากฏให้เห็นตอนกลางคืนในช่วงเวลาใดก็ได้ ไม่จำเป็นต้องอยู่ใกล้ดวงอาทิตย์เวลาขึ้นหรือตก เมื่อส่องดูด้วยกล้องโทรทรรศน์จะเห็นว่า ดาวเคราะห์ชั้นนอกปรากฏให้เห็นเป็นวงค่อนข้างกลมและมีขนาดค่อนข้างคงที่ เนื่องจากอยู่ไกลจากโลกมากว่าดวงอาทิตย์ จึงหันด้านที่สะท้อนแสงอาทิตย์เข้าสู่โลกเสมอ

ในยุคอวกาศ นักดาราศาสตร์จำแนกประเภทดาวเคราะห์ ตามลักษณะทางกายภาพซึ่งได้ข้อมูลมาจากยานอวกาศ ซึ่งแบ่งออกเป็นดาวเคราะห์ชั้นในและดาวเคราะห์ชั้นนอก

สล็อต

ดาวเคราะห์ช้ันใน (Inner Planets) หรือ ดาวเคราะห์แข็ง (Terrestrial planets) หมายถึง ดาวเคราะห์ที่มีพื้นผิวเป็นของแข็ง ได้แก่ ดาวพุธ ดาวศุกร์ โลก และดาวอังคาร เป็นดาวเคราะห์ที่มีขนาดเล็กและมีมวลน้อย เนื่องจากบรรยากาศที่ห่อหุ้มดาวถูกทำลายโดยรังสีคลื่นสั้นและอนุภาคพลังงานสูงที่มากับลมสุริยะ จึงเหลือแต่พื้นผิวที่เป็นของแข็ง

ดาวเคราะห์ชั้นนอก (Outer Planets) หรือ ดาวเคราะห์แก๊ส (Giant Gas Planets) หมายถึง ดาวเคราะห์ที่มีบรรยากาศหนาแน่น ได้แก่ ดาวพฤหัสบดี ดาวเสาร์ ดาวยูเรนัส และดาวเนปจูน เป็นดาวเคราะห์ที่มีขนาดใหญ่และมีมวลมาก เนื่องจากอยู่ห่างไกลจากอิทธิพลของรังสีและลมสุริยะ บรรยากาศจึงสามารถคงอยู่ได้อย่างหนาแน่น ดาวเคราะห์ชั้นนอกมีมวลมากจึงมีแรงโน้มถ่วงสูง ทำให้ดึงดูดสสารทั้งหลายมาสะสมไว้ภายใน และเป็นดวงจันทร์บริวาร สนามแรงโน้มถ่วงความเข้มสูงทำให้เกิดแรงไทดัลบนวัตถุที่เข้ามาใกล้ แล้วแตกสลายกลายเป็นวงแหวน

หากพิจารณาโครงสร้างภายในของดาวเคราะห์ชั้นนอกในภาพที่ 4 ซึ่งมีองค์ประกอบส่วนใหญ่เป็นแก๊สไฮโดรเจนดังเช่นดวงอาทิตย์​ ดังนั้นหากดาวเคราะห์แก๊สสามารถสะสมมวลให้มากพอที่จะกดดันให้ใจกลางของดาวมีึอุณหภูมิสูงถึง 15 ล้านเคลวิน ก็จะสามารถฟิวชันไฮโดรเจนให้กลายเป็นฮีเลียมเกิดเป็นดาวฤกษ์ และหากนำบรรยากาศที่หนาแน่นด้วยแก๊สไฮโดรเจนนี้ออกไป ดาวเคราะห์ชั้นนอกก็จะมีสภาพเป็นดาวเคราะห์ขนาดเล็กที่มีพื้นผิวเป็นของแข็งดังเช่นดาวเคราะห์ชั้นในนั่นเอง

ในการจัดกลุ่มดาวเคราะห์นั้นยังมีความสับสนกันอยู่บ้าง เนื่องจากมีการจัดโดยใช้เกณฑ์ที่ต่างกันและมีการเรียกชื่อที่ต่างกันออกไป เช่น ดาวเคราะห์ชั้นใน ดาวเคราะห์ชั้นนอก ดาวเคราะห์วงใน ดาวเคราะห์วงนอก

สล็อตออนไลน์

การแบ่งดาวเคราะห์ออกเป็นดาวเคราะห์ชั้นใน (Inner Planets) และดาวเคราะห์ชั้นนอก (Outer Planets) นั้น ใช้เกณฑ์ระยะทางจากดาวเคราะห์แต่ละดวงถึงดวงอาทิตย์ จะพบว่าดาวเคราะห์จะแบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่ใกล้ดวงอาทิตย์และกลุ่มที่ไกลดวงอาทิตย์ เราเรียกกลุ่มที่ใกล้ดวงอาทิตย์ว่า ดาวเคราะห์ชั้นใน ซึ่งได้แก่ ดาวพุธ ศุกร์ โลก และดาวอังคาร ส่วนกลุ่มที่อยู่ไกลจากดวงอาทิตย์ เราจะเรียกว่า ดาวเคราะห์ชั้นนอก ซึ่งได้แก่ ดาวพฤหัสบดี เสาร์ ยูเรนัส และเนปจูน ระหว่างดาวเคราะห์ชั้นในและดาวเคราะห์ชั้นนอกจะเป็นแถบดาวเคราะห์น้อย ซึ่งเป็นวัตถุท้องฟ้าในระบบสุริยะขนาดเล็กกว่าดาวเคราะห์แคระที่โคจรรอบดวงอาทิตย์

สำหรับการแบ่งดาวเคราะห์ออกเป็นดาววงใน (Inferior Planets) และดาวเคราะห์วงนอก (Superior) นั้น มีการแบ่ง กันมาตั้งแต่สมัยโบราณ โดยยึดโลกเป็นเกณฑ์คือใช้โลกเป็นจุดแบ่ง คือ ดาวเคราะห์ที่มีวงโคจรอยู่ข้างในคือถัดจากวงโคจรของโลกเข้าไป จะเรียกดาวเคราะห์วงใน ได้แก่ ดาวพุธและดาวศุกร์ ส่วนดาวเคราะห์ที่มีวงโคจรถัดจากวงโคจรของโลกออกไป จะเรียกว่าดาวเคราะห์วงนอก ได้แก่ ดาวอังคาร พฤหัสบดี เสาร์ ยูเรนัส และเนปจูน

ในการสังเกตดาวเคราะห์วงในและดาวเคราะห์วงนอกเหมือนกันหรือแตกต่างกันอย่างไร ในการสังเกตดาวเคราะห์วงในและดาวเคราะห์วงนอกจากโลกย่อมมีความแตกต่างกัน ทั้งนี้เนื่องจากว่าในการสังเกตดาวเคราะห์วงในนั้น เราจะต้องสังเกตไปทางที่ดวงอาทิตย์อยู่เสมอ แต่สำหรับดาวเคราะห์วงนอก เราจะสังเกตได้ทั้งด้านที่ไปทางดวงอาทิตย์และด้านที่อยู่ตรงข้ามกับดวงอาทิตย์ ดังนั้น การสังเกตเห็นดาวเคราะห์วงในและดาวเคราะห์วงนอกย่อมแตกต่างกันแน่นอน ลองมาดูว่าแตกต่างกันอย่างไร

jumboslot

หากท่านเคยสังเกตดาวเคราะห์ ท่านจะพบว่าท่านสามารถสังเกตเห็นดาวเคราะห์เหล่านี้ คือ ดาวอังคาร พฤหัสบดี เสาร์ ยูเรนัส และเนปจูน ทั้งด้วยตาเปล่าและด้วยกล้องโทรทรรศน์ ณ ตำแหน่งต่างๆ บนท้องฟ้าในเวลากลางคืน แต่สำหรับดาวเคราะห์บางดวงจะเห็นยากมากหรือเห็นเฉพาะตอนเย็นและตอนเช้า ดาวเคราะห์ดังกล่าว คือ ดาวพุธและศุกร์ เหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น ลองสังเกตจากภาพข้างบน จะพบว่า เราจะ

สังเกตเห็นดาวพุธและศุกร์ได้ เมื่อดาวพุธและศุกร์อยู่ ณ ตำแหน่งใกล้ A , ใกล้ B , ใกล้ C และใกล้ D เท่านั้น โดยมุมห่างของดาวเคราะห์จากดวงอาทิตย์ต้องไม่น้อยกว่า 15°องศา เพราะถ้าน้อยกว่านี้จะไม่สามารถมองเห็นได้ เนื่องจากถูกรบกวนด้วยแสงอาทิตย์

slot

เมื่อดาวพุธอยู่ที่ตำแหน่ง ใกล้A หรือดาวศุกร์อยู่ที่ตำแหน่งใกล้ C ดาวเคราะห์ทั้ง 2 ดวงจะอยู่ทางทิศตะวันออกของดวงอาทิตย์ หมายความว่าจะขึ้นและตกหลังดวงอาทิตย์ ดังนั้นจะสามารถสังเกตเห็นดาวพุธหรือดาวศุกร์ในช่วงหัวค่ำทางทิศตะวันตกหรือหลังจากดวงอาทิตย์ตกแล้วและอีกไม่นานก็จะตก และเมื่อดาวพุธมาอยู่ที่ตำแหน่งใกล้ B หรือดาวศุกร์อยู่ที่ตำแหน่งใกล้ D ดาวเคราะห์ทั้ง 2 ดวงจะอยู่ทางทิศตะวันตกของดวงอาทิตย์ จึงขึ้นและตกก่อนดวงอาทิตย์ ดังนั้นเราจึงสังเกตเห็นดาวพุธหรือดาวศุกร์ในช่วงเช้ามืดทางทิศตะวันออกก่อนดวงอาทิตย์ขึ้นเท่านั้น

จะเห็นว่าการจัดกลุ่มดาวเคราะห์นั้น อาจใช้เกณฑ์ที่แตกต่างกัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับจุดประสงค์และมีความหมายที่แตกต่างกัน เช่น กรณีของดาวอังคาร ถ้าใช้วงโคจรเทียบกับโลกจะถูกจัดเป็นดาวเคราะห์วงนอก แต่ถ้าใช้เกณฑ์ระยะห่างจากดวงอาทิตย์จะถูกจัดเป็นดาวเคราะห์ชั้นใน เป็นต้น ดังนั้นความรู้ทางวิทยาศาสตร์ไม่ใช่สิ่งที่ตายตัว อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามเกณฑ์ที่กำหนดขึ้นใหม่หรือจากข้อมูลที่มีการค้นพบใหม่ได้ตลอดเวลา